วันจันทร์ที่ 2 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

บอย ปกรณ์



ชื่อ - สกุล :  ปกรณ์ ฉัตรบริรักษ์ (บอย)
วันเกิด      :   20 สิงหาคม 2527
การศึกษา
    - จบ ม.6 เตรียมอุดมฯ
    - สำเร็จการศึกษาป.ตรี เภสัช จุฬา
ส่วนสูง     :  180 เซนติเมตร
น้ำหนัก    :  63 กิโลกรัม
งานอดิเรก :  ดูหนัง เล่นฟุตบอล โกลคาร์ด
สิ่งที่ชื่นชอบ : งานศิลปะ
กีฬา  :  ฟุตบอล
ศิลปินที่ชอบ :  จักจั่น อคัมย์สิริ
ของสะสม :  หมวกแก๊บ
สีที่ชอบ  : ชมพู เขียว

จากเภสัชกรมาทำงานในวงการบันเทิงได้อย่างไร
บอย ปกรณ์ : ผมทำงานตรงนี้มาตั้งแต่เรียนปี 1-2 มาถึงวันนี้ก็อยู่วงการมา 5-6 ปีแล้ว เริ่มจากถ่ายแบบ ถ่ายโฆษณา เล่นเอ็มวี จากการชักชวนเหมือนคนทั่วไป ตอนแรกก็ไม่คิดว่าจะมาเอาดีตรงนี้ คิดว่าทำงานหาเงินค่าขนม อย่างงานโฆษณาตอนนั้นได้เงิน 1-2 หมื่นก็เยอะแล้วสำหรับเด็กที่ยังเรียนอยู่ จากนั้นพอจบก็มีงานเข้ามามากขึ้น ผมมีโอกาสได้ไปเล่นหนัง ตอนนั้นหางานอยู่พอดี ยังไม่ได้ทำอะไรเป็นหลักเป็นแหล่งด้วย มีโอกาสก็เลยเข้ามาลองทำดูก่อน

แล้วงานด้านเภสัชกรรมล่ะ
บอย ปกรณ์ : ผมยังไม่ทิ้ง ผมเคยฝึกงาน อยู่ร้านยามาบ้าง สนุกดี ยังเป็นงานที่ผมชอบ แต่ผมอยากรอให้งานในวงการอยู่ตัวก่อน ผมอยากทำควบคู่กันไป อยากเปิดร้านขายยา เพราะผมมองว่าเป็นอาชีพที่มั่นคง และติดตัวเราไปจนตาย

แต่ดูเหมือนจะแตกต่างกันมากนะ
บอย ปกรณ์ : โชคดีผมมีพื้นฐานมาตั้งแต่เรียน ม.ปลาย มีโอกาสทำกิจกรรมบ่อยๆ คือถ้าในโรงเรียนหรือมหาวิทยาลัยมีละคร หรือกิจกรรมอะไรก็มักจะเอาผมไปเล่น

คุณพ่อ คุณแม่ ว่าอย่างไร
บอย ปกรณ์ : ความจริงที่บ้านไม่ค่อยสนับสนุนให้มาทำงานในวงการเท่าไหร่ แม่วางแผนไว้แล้ว ว่าถ้าเรียนจบ อยากให้ผมทำธุรกิจส่วนตัวที่บ้าน หรือไม่ก็อยากให้ไปทำอะไรที่เกี่ยวกับการขายยา ถึงไม่สนับสนุนแต่ก็ไม่ว่า เพราะแม่จะสอนเสมอ ว่าทำอะไรแล้วก็ให้ตั้งใจ ทำไปให้เต็มที่ ทำให้สุด อย่ากั๊ก ที่ผ่านมาแม่ผมเป็นคนไม่ค่อยพูด หรือชมอะไรอยู่แล้ว แต่เขาก็จะคอยติดตาม ส่วนพ่อของผมเสียชีวิตไปประมาณ 4-5 ปีแล้ว

มีพี่-น้องไหม
บอย ปกรณ์ : ผมมีน้องชาย 2 คน ผมเป็นพี่คนโต เราห่างกัน 3 ปี น้องคนกลางอายุ 22 ปี ส่วนคนเล็ก 19 ปี คนกลางตอนนี้ก็เริ่มมีงานโฆษณา งานเอ็มวีเข้ามาบ้างแล้ว ตอนเด็กพวกเราก็จะซนกันตามประสาผู้ชาย

เห็นว่าก่อนหน้านี้เป็นคนขี้อายมาก
บอย ปกรณ์ : ตอนนี้ก็ยังเป็น ผมเป็นคนนิ่ง ๆ ไม่กล้าพูดกับใครก่อน ถ้าคนมองหน้า ผมก็จะไม่กล้าสบตา แต่ถ้ารู้จักจริง ๆ ผมจะเป็นคนเฮฮาค่อนข้างมาก ในกลุ่มเพื่อนจะเป็นหัวโจกเลย คือผมจะไม่ใช่คนชอบเรียนมาก แต่รู้สึกว่าต้องรับผิดชอบให้ดีที่สุด

วันนี้คิดว่าตัวเองดังหรือยัง
บอย ปกรณ์ : ไม่ดังหรอก ไม่ถึงขนาดนั้น เพียงแค่เริ่มมีคนรู้จักมากขึ้น เข้ามาทักมากขึ้นแค่นั้น ถามว่าชีวิตเปลี่ยนไหม คงไม่เปลี่ยน ผมตั้งใจไว้แล้ว ว่าการที่มาทำงานตรงนี้แม้จะต้องมีการวางตัวบ้าง แต่ผมไม่อยากให้กระทบชีวิตเรา ผมอยากทำอะไรทุกอย่างเหมือนเดิม ยังกินข้าวที่ไหนก็ยังกินเหมือนเดิม ไม่อายใคร ทุกวันนี้ผมยังขับมอเตอร์ไซค์ในซอย กินข้าวข้างถนนอยู่เลย อาจจะแปลกๆ ตรงที่มีคนมอง แต่ไม่รู้จะเปลี่ยนทำไม เพราะชีวิตเราเป็นแบบนี้มาตั้งแต่เด็ก

เตรียมตัวตั้งรับไว้บ้างหรือยัง ความดังมักมาคู่กับข่าวไม่ค่อยดี
บอย ปกรณ์ : ไม่ได้เตรียมตัวอะไรมาก เวลานักข่าวถามอะไร ผมจะถือคติความจริงคือความจริง ถ้าไม่จริงก็คือไม่จริง

กลัวไหมว่าจะโดนขุดคุ้ยเรื่องในอดีต หรือโดยแชะภาพจากปาปาราซซี
บอย ปกรณ์ : ไม่กลัว อย่างที่บอกทุกวันนี้ผมก็ยังใช้ชีวิตปกติเดิม ๆ ไม่ได้สนใจอะไร และคงไม่มีอะไรให้ขุดคุ้ย ผมเป็นคนเรียบ ๆ ง่าย ๆ สบาย ๆ อยู่แล้ว

ต้องระวังตัวมากขึ้นหรือเปล่า
บอย ปกรณ์ : มีบ้าง นิดหน่อย อย่างเวลาไปกินข้าวข้างนอกจะกินอุบาทว์เหมือนเดิมคงไม่ได้ ออกไปไหนผมก็จะพยายามไม่แต่งตัวให้โทรมมาก เมื่อก่อนไปห้างแถวบ้าน ผมจะใส่กางเกงขาสั้น เสื้อบอล เดี๋ยวนี้ก็คงไม่ได้ หรือเวลาเล่นกับน้องเมื่อก่อนอยู่นอกบ้านจะเล่นอุบาทว์ เดี๋ยวนี้ไม่กล้า ก็จะนิดหน่อย แต่ไม่ถึงกับรู้สึกอึดอัดอะไร

วางอนาคตการทำงานตรงนี้ไว้อย่างไร
บอย ปกรณ์ : วางแค่ให้งานตรงนี้อยู่ตัว แล้วก็ทำงานเภสัชกรควบคู่กันไป กับงานตรงนี้ ผมไม่ได้คิดว่าจะต้องไปอยู่ถึงจุดไหน เอาแค่เท่าที่เราไปได้ ตอนนี้ก็ถ่ายทำละครเรื่อง "หัวใจสองภาค" ของพี่อ๊อฟ (พงษ์พัฒน์) อยู่ แล้วก็มีโปรเจกท์หนังที่อยู่ระหว่างพูดคุยอีกหนึ่งเรื่อง

เรื่องของหัวใจ มีใครมาดูแลหัวใจหรือยัง
บอย ปกรณ์ : ตอนนี้เรื่อย ๆ ไม่ได้ปิดโอกาส ยังไม่มีอะไรชัดเจน คุย ๆ ศึกษากันไป ไม่ได้อะไร ผมยังวุ่นกับการทำงานด้วย

แสดงว่ามีคนดู ๆ คุย ๆ อยู่
บอย ปกรณ์ : มีคุยบ้าง แต่ยังไม่มีอะไรชัดเจน เลยไม่กล้าพูดอะไรมาก คุยมาสักพักหนึ่ง ไม่ถึงปี เป็นคนนอกวงการ ผมเลยไม่อยากพูดอะไรเท่าไหร่ ไม่อยากใหเขาเสียหาย

เพราะเป็นดาราแล้วเลยไม่กล้าเปิดเผยหรือเปล่า
บอย ปกรณ์ : ไม่ ๆ ผมไม่ค่อยสนใจตรงนั้นเท่าไหร่ ถ้าชัดเจนก็กล้าพูด เพียงแต่อยู่ระหว่างศึกษา ไม่ชัดเจน อนาคตมันไม่แน่นอน ผมกลัวเขาเสียหาย

แต่ที่ผ่านมา ก็มีข่าวกับหลายคนนะ อย่าง "ตาล" กัญญา "รัน" ณัทธมนกาญจน์
บอย ปกรณ์ : เฉย ๆ ข่าวก็เป็นข่าว มันไม่เป็นความจริง ผมก็มองว่าเป็นเรื่องธรรมดา

สาวในสเปกของบอยต้องเป็นอย่างไร
บอย ปกรณ์ : ไม่ค่อยวางไว้เท่าไหร่ ก่อนหน้านี้ชอบผู้หญิงตาโต แต่เอาเข้าจริง ก็ดูที่คุยรู้เรื่อง ดูที่นิสัยส่วนตัวมากกว่า

มุมมองความรักล่ะ
บอย ปกรณ์ : เป็นอะไรที่มาเติมเต็มให้ยืนได้ ไม่ใช่สิ่งแน่นอน ไม่ใช่ทั้งหมดของชีวิต ชีวิตยังมีอย่างอื่นให้คิด ให้ทำ ไม่ว่าจะเป็น แม่ หรือ เพื่อน


ที่มา : http://www.kodhit.com/

Titanium



                   ไทเทเนียม เป็นชื่อของวงดนตรีฮิปฮอปที่มาแรงที่สุดในยุคนี้ ในวงไทเทเนียมประกอบไปด้วยสมาชิก 3 คนได้แก่ ขัน-ขันเงิน เนื้อนวล, เดย์-จำรัส ทัศนละวาด และ เวย์-ปริญญา อินทชัย ซึ่งจุดกำเนิดมาจาก ขัน และ เดย์ ซึ่งขันเกิดที่กรุงเทพมหานคร ส่วนเดย์มีบ้านเกิดอยู่ที่จังหวัดเชียงใหม่ซึ่งแม้จะแตกต่างในภูมิภาคถิ่น กำเนิด แต่ทั้งคู่ก็มีใจที่รักและหลงใหลเสียงดนตรีเหมือนกัน
ทั้งขัน และเดย์ มีโอกาสได้รู้จักกันในช่วงที่ทั้งคู่ได้ไปศึกษาต่อยังประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งจุดเริ่มต้นมาจากการที่ทั้งสองบังเอิญมาเจอกันที่งานปาร์ตี้ฮิปฮอป ซึ่งต่างฝ่ายต่างรับเชิญเป็นดีเจเปิดแผ่นเหมือนกันโดยที่ก่อนหน้านี้ขันเคย มีผลงานทำอัลบั้มร่วมกับเพื่อนอีกหนึ่งคนที่เมืองไทย โดยใช้ชื่อว่า ขันที มาแล้ว
                  หลัง จากที่มีโอกาสได้พบเจอกันตามงานปาร์ตี้สังสรรค์ชาวฮิปออปบ่อยครั้ง ขันและเดย์ก็กลายมาเป็นคู่หูดีเจและเอ็มซี เปิดแผ่น จัดงานปาร์ตี้สังสรรค์ที่เรียกกันว่า Jump-Off House Party ในย่านของชนชาวฮิปฮอป เขตซานฟรานซิสโก
หลัง จากที่จบการศึกษาที่สหรัฐอเมริกา ขันมีความตั้งใจมุ่งมั่นอยากที่จะงานดนตรีฮิปฮอปในแบบฉบับของคนไทยออกมาให้ ชาวโลกได้ประจักษ์ ตลอดไปถึงต้องการถ่ายทอดมนต์เสน่ห์ของดนตรีในรูปแบบของฮิปฮอปดั้งเดิม จากอิทธิพลที่เขาได้ไปใช้ชีวิตในย่านของชาวฮิปฮอปมาตลอดกว่า 3 ปี มาให้คนไทยได้รู้จักขันได้ชักชวนเดย์ซึ่งมีความใฝ่ฝันเหมือนกันกลับมาที่ประ เทสไทย เพื่อที่จะเริ่มต้นทำงานดนตรีในแบบฉบับฮิปฮอปที่เป็นของคนไทยอย่างแท้จริง ขึ้นมา
เมื่อขันและเดย์กลับมาที่เมืองไทย เขาทั้งสองได้มีโอกาสไปตามงานปาร์ตี้ที่มีการเปิดเพลงฮิปฮอป ซึ่งมีอยู่เพียงน้อยนิด แล้วจากจุดนั้นเองที่ทำให้พวกเขาได้รู้จักกับ เวย์ ซึ่งเป็นนายแบบ และศิลปินนักร้องหนึ่งในสมาชิกวง ทีนเอจเกรดเอ อยู่ในขณะนั้น
                 เมื่อติดต่อทำความรู้จักกันมากขึ้น ทำให้ขันเห็นถึงพลังความหลงใหลในดนตรีฮิปฮอปของเวย์ ตลอดไปถึงการที่เวย์เกิดและเติบโตมาในนิวยอร์ค เมืองทีได้ชื่อว่าเป็นศูนย์กลางของฮิปฮอปแห่งหนึ่ง ทำให้ขันและเดย์พูดคุยถึงเรื่องราวดนตรีฮิปฮอปกับเวย์ได้อย่างถูกคอมากขึ้น หลังจากนั้นไม่นานพวกเขาได้ย้ายไปทำงานที่นิวยอร์ค ประเทศสหรัฐอเมริกา เพื่อที่จะเข้าไปคลุกคลีในแวดวงดนตรีฮิปฮอปมากที่สุด
                 จนกระทั่งในปี ค.ศ. 2000 วงไทเทเนียมได้ถือกำเนิดขึ้นมา โดยมีสมาชิกคือ ขัน เดย์ และเวย์ พวกเขาทั้งสามมีเหตุผลในการตั้งชื่อวงว่า ต้องการนำเสนอดนตรีฮิปฮอปที่มีความเป็นไทยลงไปให้มากที่สุด อัลบั้มชุดแรกที่พวกเขาลงมือทำงานกันด้วยตัวเอง ใช้ชื่อว่า AA ซึ่งถือว่าเป็นที่กล่าวขวัญในวงการดนตรีฮิปฮอปใต้ดิน และหลังจากนั้นไม่นาน ไทเทเนียมก็ปล่อยอัลบั้มชุดที่สอง ชื่อ Thai Riders และอัลบั้มถัดมาคือ P77 ซึ่งเป็นอัลบั้มเพลงประกอบภาพยนตร์เรื่อง จังหวัด 77
ไทเทเนียม เป็นที่กล่าวขวัญมากขึ้นเรื่อยๆ ด้วยผลงานที่มีคุณภาพสูง มีซาวน์ดนตรีแปลกใหม่และเร้าใจ ในขณะเดียวกันก็มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ถึงเนื้อหาของถ้อยคำที่พวกเขาใส่ลงไป ในบทเพลงว่า รุนแรง และก้าวร้าว ซึ่งต่างก็เป็นงานเพลงที่พวกเขาทำกันออกมาจากความอิสระโดยไร้ซึ่งกรอบเกณฑ์ ใดใด อย่างแท้จริง
                หลังจากนั้น ไทเทเนียมได้ส่งเพลง ยักไหล่ เข้าไปรวมอยู่ในอัลบั้ม แบล็ค ทู เดอะ ฟิวเจอร์ แล้วพวกเขาก็บินกลับไปใช้ชีวิตทำงานเพลงที่สหรัฐอเมริกาต่อ ถัดจากนั้นเพียงไม่นาน ไทเทนียมก็มีงานอัลบั้มชุดที่ 3 ชื่อ R.A.S(Resisting Against Da System) ซึ่งเป็นงานที่ทำให้พวกเขาทั้งสามเป็นที่รู้จักในวงกว้างมากขึ้น ด้วยภาคดนตรีที่มีพัฒนาการสูงขึ้น สามารถเทียบชั้นวงดนตรีฮิปฮอปสากลได้หลายวง อีกทั้งยังมีเนื้อเพลงที่เบาลงในด้านถ้อยคำ แต่ด้านเนื้อหายังคงไว้ซึ่งเรื่องราวที่เข้มข้นเหมือนเดิม
                 หลังจากนั้นฝีไม้ลายมือของไทเทเนียมเกิดไปเข้าตาค่ายสนามหลวง ของ ป๋าเต็ด-ยุทธนา บุญอ้อม ที่ได้มาทาบทามให้พวกเขาออกอัลบั้มร่วมกับสนามหลวง โดยใช้ชื่อว่า Thailand's Most Wanted   จากนี้แล้วไทเทียมยังเป็นวงดนตรีที่ได้รับความสนใจจากนักดนตรีต่างๆ มากมาย สังเกตได้จากการที่พวกเขาทั้งสามมีชื่อเข้าไปร่วมในงานโปรเจคต่างๆ ของศิลปินมากมาย อาทิ การมาร่วมงานกับนักร้องสาวสุดฮอต ทาทา ยัง ในอัลบั้มชุด แดนเจอรัส ทาทา , แสดงเพลง No Worries (Remix)/ทะลึ่ง ร่วมกับ ไซม่อน เวปป์ ในงานเอ็มทีวี เอเชีย อวอร์ด ซึ่งจัดขึ้นที่กรุงเทพมหานคร ปี 2006 อีกด้วย


ที่มา :  http://entertainment.th.msn.com/Photos/Celebs/photo.aspx?cp-documentid=3526380

วันอาทิตย์ที่ 1 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

วง Mild

            MILD มายด์  จุดเริ่มต้นของการรวมตัวของพวกเขาทั้งหมด คือ ความฝัน  ความอ่อนโยนและความนุ่มนวลที่สัมผัสได้จากดนตรี การรวมตัวของเด็กหนุ่มจากเชียงใหม่ที่รักในเสียงดนตรี และด้วยความสามารถที่พวกเขามีอยู่ทำให้วง MiLD เป็นที่ยอมรับเป็นที่รู้จักในกลุ่มวัยรุ่นเชียงใหม่ จากการเริ่มต้นโดยเล่นดนตรีตามงานต่างๆ พวกเขาก็เก็บสะสมประสบการณ์เรื่อยมา จนได้มีโอกาส ร่วมเล่นโชว์ในงานแฟตทีเชิตครั้งที่3 และรางวัลที่ การันตรีถึงความสามารถของพวกเขา คือ รางวัลชนะเลิศพานาโซนิคสตาร์ชาเล้นท์ ปี 2003 และจากกลุ่มแฟนเพลงกลุ่มเล็กๆจากเชียงใหม่ที่ให้การตอบรับพวกเขาและคอยให้กำลังใจ อย่างอบอุ่น ทำให้วันนี้ ซิงเกิ้ลเพลง อีก นาน ไหม ถือเป็นผลงานชิ้นแรก ในเส้นทางสายดนตรี


MiLD มายด์ ประกอบด้วย

บดินทร์ เจริญราฎร์ (เป้) - ร้องนำ
กำลังศึกษา ปี 3 คณะมนุษยศาสตร์ ภาควิชาภาษาอังกฤษ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่

เจน มโนภินิเวศ (เต่า) - กีตาร์
กำลังศึกษา ปี 3 คณะวิศวกรรมศาสตร์ สาขาอุตสาหการ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่

พิทวัส ขุนทอง (ขุน) - เบสกำลังศึกษา ปี 2 คณะวิทยาการการจัดการ สาขานิเทศศาสตร์ การประชาสัมพันธ์ มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม่

ณธีพัฒน์ ประเสริฐมนูกิจ (ทอมท่อม) - คีย์บอร์ดสำเร็จการศึกษาจาก คณะบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่

ไพสิฐ คำกลั่น (เป้) - แซกโซโฟน
กำลังศึกษา ปี 3 คณะวิทยาลัยดุริยางคศิลป์ มหาวิทยาลัยมหิดล

ธงไชย ทิมพูล (ไมค์) - มือกลอง
กำลังศึกษา ปี 2 คณะวิศวกรรมศาสตร์ สาขาจักรกลเกษตร มหาวิทยาลัยเชียงใหม่


อัลบั้มของ วง Mild มายด์
- อีกนานไหม Single แรก
- Mild
- The 2nd Single
- my ma show


ที่มา  :  http://celebrity.myfri3nd.com/blog/2010/05/08/entry-2

อั้ม พัชราภา ไชยเชื้อ







ชื่อ นามสกุล :
พัชราภา ไชยเชื้อ
ชื่อเล่น :
อั้ม
วันเกิด :
5 ธ.ค. 2521 ที่โรงพยาบาลเพชรเวช
สูง :
168 ซ.ม
น้ำหนัก :
46 ก.ก
พี่น้อง :
เป็นลูกสาวคนเดียวของคุณพ่อ-คุณแม่ วรวุฒิ -สุภาพร ไชยเชื้อ
สีโปรด :
สีดำกับชมพู
การศึกษา :
จบประถมศึกษาโรงเรียนสตรีวรนารถ บางเขน มัธยมโรงเรียนดัดดรุณี จ.ฉะเชิงเทรา และปริญญาตรีมหาวิทยาลัยรังสิต
ประทับใจตัวเองที่ :
ดวงตากับปากเซ็กซี่
ใช้น้ำหอม :
Ck one
งานอดิเรก :
ฟังเพลง , ดูหนัง ช็อปปิ้งเสื้อผ้า เข็มขัด รองเท้า ถูกใจสยามแสควร์
กีฬา :
ว่ายน้ำ ขี่ม้า
นักแสดงที่ชื่นชอบ :
ชไมพร จตุรภุช
นักร้องที่ชอบ :
มาช่า ชอบคาราโอเกะเพลงช้าของมาช่า มาลีวัลย์ และปาน-ธนพร
เพลงเก่งคือ :
เพลงอย่าปล่อยให้เขาเห็นน้ำตา ของบูโดกัน เพลงรักจนตัดใจ ของพี่แหวน เพลงดาวกระดาษ ของปนัดดา
นักกีฬาที่ชื่นชอบ :
ไทเกอร์ วู้ดส์
แนวเพลงที่ชื่นชอบ :
ป๊อป
อาหารจานโปรด :
ข้าวหมูทอด , ข้าวมันไก่
สิ่งที่ชอบๆของอั้ม :
ชอบเลี้ยงสุนัข มีเลี้ยงอยู่ 5 ตัว ตัวโปรดชื่อ กัปตัน
ชอบท่องเที่ยวตามธรรมชาติ เช่น ไปดำน้ำ เที่ยวทะเล ชมน้ำตก
ผู้ชายในอุดมคติ :
ต้องเป็นคนดี ใจดี เอาใจเก่ง ต้องเข้าใจกัน พร้อมจะให้อภัยกันเมื่ออีกฝ่ายทำผิด
กิจกรรมที่ทำและมีความสุข :
โทรศัพท์คุยกะเพื่อน ชอบเมาท์ ชอบฟังเพื่อนคุย นานสุด 3 ชั่วโมง
เล่นกับหมา เพราะเป็นอะไรที่น่ารักมาก
ออกไปหาอะไรที่แปลกๆ ทาน ชอบชวนเพื่อนไปหาอะไรอร่อยๆ ทานกัน ไม่ได้ทานเก่งนะแต่ทานได้ทุกอย่าง อย่างละนิดๆ
รับตังค์จากการทำงานจากความพยายามจากน้ำพักน้ำแรงแล้วจะมีความสุข
ทำบุญ รู้สึกสบายใจ บางทีไปกับคุณแม่จะไปบริจาคโลงศพ ให้กับศพไม่มีญาต
เดินเล่นกับพ่อแม่ เดินห้าง ซื้อของ
ขี้ม้า
เข้าสู่วงการโดย :
การประกวด "มิสแฮ็คปี 1997 " (ได้รับตำแหน่งชนะเลิศ
ผลงานชิ้นแรก :
MV ไม่ใช่คนในฝัน ของ ต้น อาภากร
คติประจำใจ :
คติประจำใจทำวันนี้ให้ดีที่สุด










ที่มา  : http://writer.dek-d.com/i-janza/story/viewlongc.php?id=274426&chapter=1

บี พีระพัฒน์



               บี พีระพัฒน์ ศิลปิน นักร้อง นักแต่งเพลง เริ่มจากวัยเด็กกับตำแหน่งเป่า ทรัมเป็ต ของวงดุริยางค์โรงเรียน อัสสัมชัญ ศรีราชา และผู้ชนะเลิศในการประกวดวงดนตรีในโครงการ BU BAND ในตำแหน่งนักร้องนำของ มหาวิทยาลัย กรุงเทพ สถาบันที่เขาศึกษาอยู่ในขณะนั้นมาเป็นใบผ่านทางของการที่จะก้าวขึ้นสู่การเป็นนักร้องที่เต็มเปี่ยมไปด้วยคุณภาพ และเขาเกือบจะได้เป็นศิลปินเดี่ยวในสังกัดค่าย Stone Entertainment แต่เพียงแค่เริ่มอัดไปได้แค่ 3 เพลงค่ายก็ปิดตัวลงด้วยเหตุผลทางธุรกิจ จากนั้นปี 2541 เขาเริ่มงานเพลงอย่างจริงจังอีกครั้งกับการเป็นสมาชิกของวง “RRR&B” สังกัด Grammy QX ตำแหน่งร้องนำ มีอัลบั้มออกสู่ตลาดเพลงเป็นครั้งแรกชื่อ “อาทั้งสามกับหลานบีและดนตรีของพวกเขา” ตามด้วยอัลบั้ม RRR&B Special Volume 1 และ 2 ที่มาของเพลงฮิต“สองเรา” พอหมดสัญญาเขาก็เริ่มออกหาประสบการณ์เพิ่มเติมด้วยการรับงานอื่นที่เกี่ยวกับดนตรี โดยเฉพาะการออกเดินสายร้องเพลงตามคลับกลางคืนทั่วกรุงเทพฯ รวมถึงรับจ้างบันทึกเสียงในสตูดิโอ โดยเน้นหนักในด้านของการใช้เสียงซึ่งเป็นจุดเด่นเฉพาะตัวของเขา ก่อนที่จะได้งานร้องเพลงประจำที่ Saxophone Pub & Restaurant  คลับแจ๊สชื่อดังของกรุงเทพฯ และมันกลายเป็นที่ที่ทำให้พบกับเพื่อนๆ นักดนตรีก่อนที่จะตกลงกันทำวงและงานเพลงร่วมกันภายใต้ชื่อวง “เครสเชนโด้” ซูเปอร์กรุ๊ปวงนี้กำเนิดจากการรวมตัวของนักดนตรีฝีมือดีจากหลากหลายวง พวกเขามีผลงานและเซ็นสัญญากับค่าย Bakery Music โดยมีเพลงดังอย่าง "ความจริงในใจ, วีนัส และ โลกหมุนด้วยความรัก จากอัลบั้ม Crescendo ในปี 2547 และ "ดินแดนแห่งความรัก, รู้บ้างไหม จากอัลบั้ม Second Chance ในปี 2548" โดย บี พีระพัฒน์ รับหน้าที่แต่งเนื้อร้องและทำนองเป็นหลัก ทำให้วงประสบความสำเร็จและมีเพลงฮิตมากมาย รวมถึงได้รับรางวัลสำคัญทางดนตรี 12 รางวัลด้วยกันคือ สีสัน อะวอร์ด ถึง 2 ปีซ้อน, คมชัดลึก อะวอร์ด ในปี 2547, ตามด้วย Fat Awards และรางวัลระดับนานาชาติอย่าง GBOB
        นอกจากความสามารถของนักดนตรีแล้ว...ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าเสียงร้องทรงพลังที่มีเสน่ห์และมีเอกลักษณ์ บวกฝีมือการแต่งคำร้องและทำนองของบี เป็นอีกส่วนที่สำคัญที่ทำให้วงประสบความสำเร็จ
        หลังจากแยกตัวออกมาเป็นศิลปินเดี่ยวแล้ว บี พีระพัฒน์ ยังคงโลดแล่นและโดดเด่นอยู่ในวงการเพลงกับการเป็นส่วนหนึ่งในอัลบั้ม Sleepless Society 2 ในเพลง “อโรม่า” ในปี 2549 และโด่งดังอย่างกว้างขวางกับเพลง “บัวลอย” เพลงเด่นใน “25 ปีมนต์เพลงคาราบาว” อัลบั้มประวัติศาสตร์ของวงการเพลงไทย  ในปี 2550
        จากการรอคอยที่ยาวนาน ผ่านการทำงานอย่างหนักบนเส้นทางแห่งความฝันที่ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ ประสบการณ์กว่า 10 ปีบนถนนดนตรีของ บี พีระพัฒน์ ได้หล่อหลอมความฝัน จนตกผลึกทำให้เกิดเป็นศิลปินตัวจริงที่มีคุณภาพประดับวงการเพลงไทยอีกหนึ่งคน











ที่มา  :  http://www.you2play.com/bepeerapat/bio/

วันเสาร์ที่ 30 เมษายน พ.ศ. 2554

สรยุทธ สุทัศนะจินดา


วันเกิด  11 พฤษภาคม พ.ศ. 2509
งานปัจจุบัน
เจ้าของบริษัท ไร่ส้ม จำกัด
ผู้ดำเนินรายการ เรื่องเล่าเช้านี้ , เรื่องเล่าเสาร์-อาทิตย์, เรื่องเด่นเย็นนี้
การศึกษา
มัธยมต้น - โรงเรียนเซนต์จอห์น - ศึกษาผู้ใหญ่
มัธยมปลาย- โรงเรียนอำนวยศิลป์ รุ่น 57
มหาวิทยาลัย - มหาวิทยาลัยกรุงเทพ จบการศึกษาปี 2530คณะนิเทศศาสตร์ เอกวารสารศาสตร์ (เกียรตินิยมอันดับ 1 และ เป็นประธานคณะ )
การงาน
- เริ่มอาชีพเป็นนักข่าวที่เดอะเนชั่น วันที่ 5 พฤษภาคม ปี 2531 (วันฉัตรมงคล)
- ประจำอยู่รัฐสภา 2 ปี
- ประจำอยู่ทำเนียบรัฐบาล 2 ปี
- ปี 2535 ประจำในกองบรรณาธิการ(กอง บ.ก.) ในตำแหน่งผู้ช่วยหัวหน้าข่าวการเมือง
- ปี 2537 เป็นหัวหน้าข่าวการเมือง
- ปี 2540 เป็นบ.ก.ข่าว และจัดรายการวิเคราะห์ข่าวให้สถานีโทรทัศน์ช่องต่างๆ
- ตำแหน่งสุดท้ายก่อนจะอำลาจากเนชั่นคือ รอง บ.ก.บริหารหนังสือพิมพ์เดอะเนชั่น


ที่มา : http://www.krobkruakao.com

แบงค์ ปรีติ บารมีอนันต์




 ชื่อ - นามสกุล : ปรีติ บารมีอนันต์
ตำแหน่ง : ร้องนำ ( วง CLASH )
สังกัด : UP ^ G
วัน/เดือน/ปีเกิด : 20 ตุลาคม 2525
เชื้อชาติ/สัญชาติ : ไทย/ไทย
ส่วนสูง/น้ำหนัก : 178 ซม. / 64 กก.
พี่น้อง : 2 คน ( เป็นคนที่ 1 )
การศึกษา : มหาวิทยาลัยกรุงเทพ
อุปนิสัย : ร่าเริง, สนุกสนาน
ของสะสม : แสตมป์
งานอดิเรก : ฟังเพลง
กีฬา : ฟุตบอล
สัตว์เลี้ยงที่ชอบ : สุนัข
อาหารจานโปรด : มีหลายอย่าง…
แนวเพลงที่ชอบ : ROCK
นักร้องที่ชอบ : SILLY FOOLS
บรรยากาศที่ชอบ : เย็นหลังฝนตก
คติประจำใจ : พัฒนาตัวเองเสมอ
ผลงานด้านโฆษณา : ปตท.พีทีที 4 ที ชาเลนเจอร์ ปี 2546มอเตอร์ไซด์ YAMAHA - รุ่น MIO AUTOMATIC ปี 2546 - 47
ผลงานการแสดง : ภาพยนตร์เรื่อง…พันธุ์ X เด็กสุดขั้ว/ ปี 2547
ผล งานการร้องเพลง : - อัลบั้มที่ 1 : ONE / ปี 2544- อัลบั้มที่ 2 : SOUND SHAKE / ปี 2546- อัลบั้มที่ 3 : BRAIN STORM / ปี 2547- อัลบั้มพิเศษ : SOUND CREAM / ปี 2546- อัลบั้มพิเศษ : เพลงประกอบภาพยนตร์เรื่อง…พันธุ์ X เด็กสุดขั้ว / ปี 2547- อัลบั้มพิเศษ : PACK 4 Vol. 1-2 / ปี 2547
รางวัล ที่เคยได้รับ : - ปี 2542 รองชนะเลิศอันดับ 1 ประกวด HOT WAVE MUSIC AWARDS ครั้งที่ 3 - ได้รับรางวัลเพลงร็อคยอดเยี่ยม เพลง LOVE จากงานประกาศรางวัลสีสัน - อะวอร์ด ครั้งที่ 14 ประจำปี 2544 จัดโดยนิตยสารสีสัน - ปี 2547 ได้รับการแต่งตั้งอย่างเป็นทางการในฐานะแกนนำในการรณรงค์ - เพื่อป้องกันและแก้ปัญหาโรคเอดส์ โดยได้รับมอบเข็มกลัดและตราสัญลักษณ์การประชุม - รูปช้างเผือก 3 เชือก     


ที่มา :  http://club.zubzip.com/?Bank_CLASH

อนันดา เอเวอริ่งแฮม







  • ชื่อ อนันดา
  • นามสกุล เอเวอริ่งแฮม
  • ชื่อเล่น จ่อย
  • วันเกิด 31 พฤษภาคม พ.ศ.2525
  • ส่วนสูง 183 ซ.ม.
  • น้ำหนัก 67 ก.ก. 

      





                 ด้วยหน้าตาที่หล่อเหลาเป็นเอกลักษณ์จึงทำให้ อนันดาเริ่มเข้าวงการเมื่ออายุ 14 ปี โดยการชักชวนของคุณมิ่งขวัญ แสงสุวรรณกับภาพยนตร์เรื่องแรก "อันดากับฟ้าใส” กำกับโดย ม.ล. พันธ์เทวนพ เทวกุล ที่ต้องร่วมแสดงกับนักแสดงชั้นนำอย่าง พงพัฒน์, นก สินจัย จึงส่งผลให้อนันดาแจ้งเกิดในวงการบันเทิงและเป็นที่รู้จักในกลุ่มวัยรุ่น ทำให้มีงานเข้ามาไม่ขาดสาย ด้วยความที่รักการผจญภัยของอนันดา เลยทำให้อนันดาหายหน้าจากวงการไปพักใหญ่ กลับมาอีกครั้งกับละครของหม่อมน้อยเรื่อง “ทะเลฤาอิ่ม” หลังจากนั้นก็มีงานเรื่อยมา ปัจจุบันมีบริษัทเป็นของตัวเองในชื่อ HALO PRODUCTIONS Co., Ltd. และยังนั่งแทนทำงานในตำแหน่ง Creative Director อีกด้วย

















                                                                                                                               

วันศุกร์ที่ 29 เมษายน พ.ศ. 2554

สมศักดิ์ ชลาชล




ฝีมือการออกแบบทรงผมคงไม่ต้องพูดถึง เรื่องการแต่งตัว - เสื้อผ้า ยิ่งไม่มีที่ติ เพราะเวลาออกงานที ความโดดเด่นก็ต้องไม่แพ้ไฮโซคนไหนๆ อย่างแน่นอน ...

ชื่อ : นายสมศักดิ์ ชลาชล

ชื่อเล่น : แดง

นามแฝง/ฉายา : เอลตัน จอห์น เมืองไทย

บิดา : นายสมเกียรติ ชลาชล (ถึงแก่กรรม สวดพระอภิธรรมศพ วัดธาตุทอง ถึง 16 ธ.ค.2544)

มารดา : นางกิมบ๊วย (ถึงแก่กรรม มี.ค.2549 มีพิธีปลงศพ ที่โบสถ์นักบุญฟิลิป์และยาก๊อป จ.ชลบุรี วันเสาร์ที่ 11 มี.ค.49)

ประวัติครอบครัว :
มีพี่น้อง 5 คน
มีหลานชื่อ สุพิศรา ชลาชล
ริชชี่ ชลาชล

การศึกษา และดูงาน :

- โรงเรียนขัตติยานีผดุง
- ป.กศ.สูง เอกดนตรีที่วิทยาลัย ครูสวนสุนันทา
- ธุรกิจโรงแรมและการเงินการธนาคารที่เทคนิคอินทราชัย
- เกตุวดี หลักสูตร 1 ปี
- สถาบันวิดัล แซสซูน
- เซบาสเตียน
- ยามาโนะ ประเทศญี่ปุ่น
- 11 ก.ค.2551 รับปริญญาโท คณะเศรษฐศาสตร์ สาขาเศรษฐศาสตร์การเมือง จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

การทำงาน และตำแหน่งหน้าที่ :

- อาจารย์สอนทำผมที่เกตุวดี
- เจ้าของร้านชลาชล แฮร์สตูดิโอ
- 2546 ครีเอทีฟ แอมบาสเดอร์คนแรกของประเทศไทย จากชวาร์สคอฟ โปรเฟสชั่นแนล

เครื่องราช :

- แชมป์ช่างผมประเทศไทย 3 ปีซ้อน
- แชมป์ผมเอเชียที่ไต้หวัน
- ได้ลำดับที่ 7 ประเภททีม ในการชิงแชมป์ผมโลก
- ปี 2552 ได้รับการยกย่องจากชวาร์สคอฟ ทั่วโลกให้เป็น "เอเชีย แปซิฟิค แฮร์ ฮีโร"



ที่มา : http://www.thairath.co.th/people/view/life/4600

แอ๊ด คาราบาว

ประวัติส่วนตัว



ยืนยง โอภากุล (แอ๊ด คาราบาว)

ยืนยง โอภากุล หรือ แอ๊ด คาราบาว ศิลปินเพลงเพื่อชีวิต เกิดเมื่อวันที่ 9 พฤศจิกายน 2497 พื้นเพคนตำบลท่าพี่เลี้ยง จังหวัดสุพรรณบุรี เป็นบุตรชายฝาแฝดคนเล็ก ครอบครัวมีอาชีพค้าขายของ ที่ตลาดเมืองสุพรรณบุรี เริ่มต้นการศึกษาในระดับประถมศึกษาโรงเรียนวัดสุวรรณภูมิ ระดับมัธยมที่ โรงเรียนกรรณสูตศึกษาลัย จากนั้นการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญก็เกิดขึ้น แอ๊ดตัดสินใจบินเดี่ยวมาพร้อมกับรถส่งไปรษณีย์เพื่อเข้ามาศึกษาต่อระดับ อุดมศึกษาที่อุเทนถวาย และบินไปเรียนต่อระดับปริญญาที่ ประเทิศฟิลิปปินส์ สมัยเรียนร่วมก่อตั้งวงคาราบาวกับกิรติ พรหมสาขา ณ สกลนคร หรือ เขียวคาราบาวเพื่อนสมัยเรียนที่ฟิลิปปินส์ หลังจากจบการศึกษาแล้ว ได้บินกลับมาเมืองไทยเข้าทำงานในตำแหน่งสถาปนิกที่การเคหะแห่งชาติ เป็นเวลา 5 ปีและมีเล่นดนตรีตอนกลางคืนไปด้วย


จากนั้นได้มีโอกาสเข้าไปเป็นโปรดิวเซอร์ให้วงแฮมเมอร์ที่ทำเพลง ประกอบภาพยนตร์เรื่องหมามุ่ยของ พนม นพพร ในสมัยนั้น จากการทำงานดังกล่าวจึงเกิดแรงบันดาลใจในการทำอัลบั้มชุดแรกขึ้นมาในนามวงคาราบาว ใช้ชื่อชุดว่าขี้เมา ใน ปี พ.ศ. 2524 โดยชักชวนเขียวที่ทำงานประจำลาออกมาร่วมกันทำอัลบั้มดังกล่าวด้วย และนี่เองเป็นจุดเริ่มแรกของ แอ๊ด คาราบาว หัวเรือใหญ่ที่นำพาวงคาราบาว ผ่านร้อน ผ่านหนาว ผ่านเรื่องราวการต่อสู้ ความวุ่นวายมากมาย มาจนถึงปัจจุบัน ก้าวล่วงเข้าสู่ปีที่ 23 ด้วยผลงานเพลงมากกว่า 90 อัลบั้ม ไม่ว่าจะเป็นผลงานภาคปกติ ภาคพิเศษ ภาคแสดงสด ของคาราบาว


บทเพลงของคาราบาวมีหลากหลาย แต่ละบทเพลงล้วนแล้วแต่มีความหมายเป็นเรื่องราวบอกถึงเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้น ณ ยุคสมัยนั้นๆ ไม่ว่าจะเป็นบทเพลงที่ทำให้คาราบาวประสบความสำเร็จสูงสุดด้วยเพลงเมดอินไทยแลนด์ ที่ให้คนไทยกลับมานิยมใช้สินค้าของไทย เป็นอัลบั้มที่ประวัติศาสตร์ต้องจารึกไว้ เพลงต่างๆ ที่ถูกแต่งขึ้น ด้วยภาษาการประพันธ์ที่สละสลวยแฝงด้วยข้อคิดต่างๆ มากมายซึ่งส่วนหนึ่งจากการแต่งเพลง แอ๊ดคาราบาวเป็นผู้ที่รักการอ่าน โดยเฉพาะแนวปรัชญา ศาสนา ซึ่งก็ได้นำเรื่องราวเหล่านี้มาเขียนเป็นบทเพลงด้วยเช่นกัน ทั้งหมดนี้ทำให้บทเพลงของคาราบาวเป็นบทเพลงที่ทุกคนล้วนแล้วแต่จดจำ ฟังติดหู และบางเพลงก็เป็นเพลงอมตะ ที่ร้องกันมาจนถึงปัจจุบันนี้




ที่มา : http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=free4u&month=10- 2007&date=31&group=10&gblog=4

ปาน ธนพร

ประวัติส่วนตัว




ชื่อ-นามสกุล : ธนพร แวกประยูร
ชื่อเล่น : ปาน
วันเกิด : 14 มิถุนายน พ.ศ. 2519
 การศึกษา
ประถมศึกษา : โรงเรียนเปี่ยมสุวรรณวิทยา
มัธยมศึกษา : วิทยาลัยนาฏศิลป์
ปริญญาตรี : จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย คณะครุศาสตร์ เอกดนตรี
 ครอบครัว มีพี่น้อง 5 คน เป็นคนที่ 5
 Life Style กีฬาที่ชอบ : แบดมินตัน, ว่ายน้ำ
สีที่ชอบ : ดำ, ขาว, เขียวอ่อน, น้ำเงินทะเล
สัตว์ที่ชอบ : สุนัข, แมว, ( สัตว์ที่มีขน ฯลฯ )
อาหารที่ชอบ  : อาหารญี่ปุ่น, อาหารทะเล, อาหารอีสาน
เครื่องประดับที่ชอบ : นาฬิกา, แหวน, สร้อยคอ
รูปแบบการแต่งตัว : ง่าย ๆ เรียบ ๆ
อุปนิสัย  : ร่าเริง, ช่างคุย, รักสงบ
ข้อเสีย : ใจร้อน, อารมณ์ร้าย, พูดตรง
งานอดิเรก  : เลี้ยงสุนัข, ดูภาพยนตร์, อ่านหนังสือ
ของสะสม  : ตุ๊กตา elmo, ผลิตภัณฑ์รูปตัวโน๊ต, หนังสือ, cd เพลง
แนวเพลงที่ชอบ : classic, Jazz, Musical
เพลงที่ชอบ ลงเอย ( อัสนี - วสันต์ ), กลับคำเสีย ( กัมปะนี ), ความลับ ( พอส )
ศิลปินที่ชื่นชอบ : อาริต้า แฟรงกิ้น , ป๊อด โมเดิร์นด็อก, เบิร์ด ธงไชย แมคอินไตย์, ปาล์มมี่, โรส, พลอย, จอนนี่ อันวา, ดัง
 ที่อยู่ปัจจุบัน 15 หมู่ 1 แขวงบางแวก เขตภาษีเจริญ กรุงเทพฯ 10160

รางวัลที่ได้รับ

    * ตัวแทนจากประเทศไทย เข้าประกวดงานเปิดประเทศฮานอย อาเซี่ยนได้ตำแหน่ง 1 ใน 10 Top Ten  ปี 2539
    * รางวัลนักร้องหญิงยอดเยี่ยม งานพระพิฆเนศทอง ครั้งที่ 5 ปี 2544
    * รางวัลนักร้องหญิงดีเด่นเพื่อเยาวชน จาก สยช. ปี 2544
    * รางวัลมิวสิกวิดีโอยอดเยี่ยม Top Awards 2002 เพลงขอเลวแค่นี้ จากนิตยสารทีวีพูล ปี 2545
    * รางวัลสีสันอะวอร์ด ประเภทศิลปินหญิงเดี่ยวยอดเยี่ยม ปี 2545
    * รางวัล Channel [V] Thailand Music Video Awards ประเภทมิวสิกวิดีโอศิลปินหญิงยอดเยี่ยม / เพลงขอเลวแค่นี้ ปี 2545
    * รางวัล Channel [V] Thailand Music Video Awards ประเภทศิลปินไทยหญิงยอดนิยม ปี 2548


ที่มา : http://www.sv-spicy2010.com/index.php?topic=3387.0

ชมพู่ อารยา

ประวัติส่วนตัว



ชมพู่ อารยา เอ ฮาร์เก็ต (Araya Alberta Hargate) เกิดวันที่ 28 มิถุนายน พ.ศ. 2524 ชื่อเล่น ชมพู่ เป็นดารา นักแสดง นางแบบ ชาวไทย ศึกษาระดับมัธยมศึกษาที่โรงเรียนบดินทรเดชา ระดับอุดมศึกษาจากคณะศิลปาศาสตร์ เอกอังกฤษ มหาวิทยาลัยรังสิต และต่อระดับปริญญาโท เอกจิตวิทยาฯ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ชมพู่ อารยา เอ ฮาร์เก็ต เข้าสู่วงการเมื่อปี พ.ศ. 2541 ขณะอายุได้ 17 ปี จากการประกวด “มิสมอเตอร์โชว์” ปีเดียวกับ เข็ม-รุจิรา ช่วยเกื้อ และได้ความสนใจจาก สยาม สังวริบุตร ติดต่อมาเล่นละครของค่ายดาราวิดีโอ โดยละครเรื่องแรกที่เล่นคือ “เพลงพราย” ทางช่อง 7 สี ประกบกับ บี๋-สวิช เพชรวิเศษศิริ จากนั้น ชมพู่ อารยา เอ ฮาร์เก็ต ก็มีผลงานมาโดยตลอดโดยมาโด่งดังจากบท แอนนี่ ในละครเรื่องดัง “หมอลำซัมเมอร์” โดยเธอได้ร้องเพลงประกอบด้วย และยังได้รับโอกาสให้มาร้องเพลงประกอบละครอีกหลายต่อหลายเรื่อง ชมพู่ อารยา เอ ฮาร์เก็ต ยังได้เล่นละครเวทีเรื่อง “ม่านประเพณี” และพากย์ภาพยนตร์การ์ตูน “Over the Hedge“ รวมถึงเป็นพิธีกรบนเวทีการประกวด และงานสำคัญต่างๆ ของช่อง 7 จนได้มาเป็นพิธีกรรายการ “เจาะโลกมายา” และ “จมูกมด” รวมถึงได้ร่วมงานกับ กิ๊ก-เกียรติ กิจเจริญ และ เปิ้ล-หัทยา วงศ์กระจ่าง และเป็นพิธีกรรายการทอล์คโชว์วาไรตี้ “7 กะรัต” คู่กับ นีโน่-เมทนี บูรณศิริ ปลายปี 2551 ชมพู่ อารยา เอ ฮาร์เก็ต ย้ายสังกัดจากช่อง 7 ไปยังช่อง 3 ส่วนละครเรื่องแรกกับทางช่อง 3 คือเรื่อง เพลิงพราย

ชมพู่ อารยา เอ ฮาร์เก็ต เป็นดารา นักแสดง นางแบบ ที่เซ็กซี่ หวาน ลุ่มลึกเข้าไปในทรวงเมื่อใดที่ได้เห็นเธอยิ้มใจแทบละลาย แม้ว่าน้อง ชมพู่ อารยา เอ ฮาร์เก็ต จะไม่ได้มีบทบาทที่เซ็กซี่ เร่าร้อนเหมือนดาราคนอื่นๆ แต่เธอก็มีใบหน้าและแววตาที่เย้ายวน เซ็กซี่ แบบใสๆ หน้ารักเป็นที่สุด เวลา ชมพู่ อารยา เอ ฮาร์เก็ต โพสท่าทำหน้าเฉยๆ ดูเหมือนหญิงกำลังงอน ทำให้ใครๆก็อยากเข้าไปงอนง้อได้ทุกเวลา ชมพู่ อารยา เอ ฮาร์เก็ต ได้รับรางวัล FHM Sexiest women in Thailand 2007 การันตีได้เป็นอย่างดีว่า ชมพู่ อารยา เอ ฮาร์เก็ต ก็เป็นดาราที่เซ็กซี่ ไม่แพ้ใคร


ที่มา  :  http://www.junglegui.com/

วันพุธที่ 27 เมษายน พ.ศ. 2554

ผอูน จันทรศิริ




 ประวัติส่วนตัว


ชื่อ-สกุล : ผอูน จันทรศิริ

ชื่อเล่น : ปุ๊ย

ฉายา : ปุ๊ย ผอูน

ภูมิลำเนา : กรุงเทพฯ

สัญชาติ : ไทย

วันเกิด : 12 มิถุนายน 2505

ประวัติครอบครัว :

-บิดาชื่อ นายอุดม จันทรศิริ
-มาดาชื่อ นางไพฑูรย์ จันทรศิริ
-มีพี่น้อง 5 คน เป็นคนสุดท้อง

การศึกษา : ปริญญาตรี คณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
อาชีพ : นักแสดง/ ผู้กำกับ/ เขียนบท



ผลงาน : 

-ผลงานละครซิกคอมเรื่อง เป็นต่อ ทางช่อง 3
-ผลงานกำกับภาพยนตร์เรื่อง เดอะเลตเตอร์จดหมายรัก
-ผลงานกำกับละครเรื่อง มายาริษยา
-ผลงานกำกับละครเรื่อง ทายาทคุณหญิง
-ผลงานกำกับละครเรื่อง แอบเก็บใจไว้ใกล้เธอ
-ผลงานกำกับละครเรื่อง ม่ายคะ
-ผลงานกำกับละครเรื่อง คู่ชื่นชุลุมน
-ผลงานละครเวทีเรื่อง ขอรับฉัน
-ผลงานละครเวทีเรื่อง ทึนทึก



ที่มา :  http://m.thairath.co.th/TRMobileSite

วันอังคารที่ 26 เมษายน พ.ศ. 2554

เกียรติ กิจเจริญ

ประวัติส่วนตัว

ชื่อจริง เกียรติ กิจเจริญ
ชื่อเล่น ซูโม่ กิ๊ก
เกิด 22 กันยายน พ.ศ. 2506 (อายุ 46 ปี)
จังหวัด ประเทศไทย
อาชีพ นักแสดง, พิธีกร
ผลงานเด่น หยอย จากภาพยนตร์ บุญชู (2531-2551)
ป๋อง จากภาพยนตร์ ฉลุยโครงการ 2 (2533)

เกียรติ กิจเจริญ มีชื่อเล่นว่า กิ๊ก หรือที่นิยมเรียกกันว่า ซูโม่กิ๊ก (22 กันยายน 2506 - ) นักแสดงและพิธีกร เป็นบุตรของคุณแม่สุชาดา ส่วนคุณพ่อเสียชีวิตไปแล้ว มีพี่น้องได้แก่ กฤษณ์(บ๊อบบี้), กรณ์(แก้ว) และ กันทิมา(กุ้ง) สำเร็จการศึกษาจาก ภาควิชาภูมิสถาปัตยกรรม สถาปัตย์จุฬาฯ รุ่น 49 ปีเข้า 2524 หรือที่รู้จักกันในชื่อว่า รุ่นสนิมน้อยฯ

ขณะศึกษาอยู่ได้เข้าร่วมแสดงรายการโทรทัศน์ ซึ่งเป็นรายการวาไรตี้ เฮฮา ของรุ่นพี่กลุ่มสถาปัตย์ หรือ "กลุ่มซูโม่สำอาง" ชื่อรายการ เพชรฆาตความเครียด ด้วยความโด่งดังของรายการที่ไม่เหมือนใคร ทำให้เริ่มมีคนรู้จักตนเองในนาม ซูโม่กิ๊ก นับแต่นั้นเป็นต้นมา

หลังจากนั้น ได้เข้าทำงานที่บริษัทแกรมมี่ และเป็นพิธีกรรายการต่างๆ ควบคู่ไปกับการแสดงภาพยนตร์แนวตลกเฮฮา เช่น "กลิ่นสีและกาวแป้ง" "บุญชู ผู้น่ารัก" "บ้านผีปอบ" และยังได้รับบทพระเอกเต็มตัวในเรื่อง "ผลุบโผล่" และ "ฉลุยโครงการ 2" ต่อมาได้รับตำแหน่ง ผู้จัดการฝ่ายผลิต ให้กับบริษัท เวิร์คพอยท์ เอ็นเทอร์เทนเมนท์ จำกัด (มหาชน)และได้เป็นพิธีกรรายการ เวทีทอง,กามเทพผิดคิว,ระเบิดเถิดเทิง

จากนั้นได้ร่วมหุ้นกับ "ติ๊ก กลิ่นสี" (ชาญณรงค์ ขันทีท้าว) พิธีกรและดาวตลกชื่อดัง เปิดบริษัท ทริปเปิ้ล ทู จำกัด ผลิตรายการเกมโชว์ "แสบคูณสอง” ตั้งแต่ปี 2540 ตามมาด้วยรายการ "รักกันสนั่นเมือง","เกมพันหน้า","กิ๊กกะไบท์","ยุทธการบันเทิง" และยังเป็นผู้จัดละครให้กับช่อง 7 สี โดยสร้างพล็อตเรื่องและกำกับการแสดงด้วยตนเอง ในละครเรื่อง "ตลาด โรงเจ ลิเก ความรัก" และตามด้วยเรื่อง "รักวันละนิด" ในปี 2551 ผลิตรายการสาระเกี่ยวกับสุขภาพชื่อ "ตะลุยโรงหมอ" ทางโมเดิร์นไนน์ทีวี ซึ่งปัจจุบันนี้ เปลี่ยนชื่อรายการเป็น ชิดหมอ ออกอากาศทางช่อง 7 สี และอีกรายการหนึ่ง คือ "กลมกิ๊ก" ทาง ททบ. 5

รางวัล

รางวัลเมขลา สาขาผู้ดำเนินรายการชายยอดเยี่ยมจากรายการ "กามเทพผิดคิว" ปี พ.ศ. 2537
รางวัลจากรายการ "ครอบครัวประชาธิปไตย" โดยสำนักงานส่งเสริมเอกลักษณ์ของชาติ สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ปี พ.ศ. 2543

โดม ปกรณ์


ประวัติส่วนตัว

ชื่อจริง ปกรณ์ ลัม

ชือเล่น โดม , dome
วันเกิด 12 กันยายน พ.ศ. 2522

อาชีพ นักร้อง,นายแบบ,นักแสดง

ปัจจุบันเป็นนักร้อง วง Nologo ในค่ายมอร์มิวสิก เครือแกรมมี่

โดม ปกรณ์ ลัม   เป็นคนไทยที่มีเชื้อสายสิงคโปร์และเยอรมัน เป็นลูกโทน จบการศึกษามัธยมศึกษาปีที่ 6 และศึกษาด้านซาวด์เอ็นจีเนียร์ที่สหรัฐอเมริกา งานอดิเรกฟังเพลง กีฬาที่ชอบคือว่ายน้ำ สเกตบอร์ด สะสมแผ่นเสียง เทป ซีดี ใฝ่ฝันจะเป็นโปรดิวเซอร์ในอนาคต  จนกำธร ทัพคัลไลย ผู้กำกับภาพยนตร์ ชักชวนแสดงภาพยนตร์เรื่องแรกคือ อีจู้กู้ปู่ป้า จากนั้นได้แสดงละครอีก จนเมื่อช่วงประมาณ ประถม 5 ซึ่งต้องเตรียมตัวสอบเข้า ม.1 ได้กลับไปตั้งใจเรียนมากขึ้น และได้กลับมาวงการบันเทิงอีกครั้งเมื่อ อายุ 13 ปี ถ่ายแบบหนังสือเด็กวัยรุ่นทั่วไป เช่น The boy, เธอกับฉัน พออายุประมาณ 15 ปี จึงได้เริ่มมีงานเพลงถือเป็นจุดเริ่มต้น เป็นศิลปินสังกัดอาร์เอส ทำงานเพลงต่อเนื่อง มาจนถึง อัลบั้มชุดที่ 3 หลังจากเรียน มีอัลบั้ม Dome, อัลบั้ม Dangerous Dome, อัลบั้มพิเศษ Dome Reaction, อัลบั้ม Dome Question เป็นต้น จบชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ที่โรงเรียนปานะพันธุ์วิทยา (ลาดพร้าว) (ปัจจุบันโรงเรียนเลิกกิจการ กลายเป็นห้างคาร์ฟูร์ สาขาลาดพร้าว) โดมเป็นคนที่ชอบเพลงแนวเทคโนและชอบมิกซ์ซาวด์จึงเป็นเหตุผลให้เขาไปศึกษาต่อ ด้านซาวด์เอ็นจีเนียร์ที่สหรัฐอเมริกา ยังมีผลงานภาพยนตร์เคยแสดงเรื่อง อนึ่ง คิดถึงพอสังเขป รุ่น 2 เมื่ออายุประมาณ 17 ปี


ผลงานเพลง

อัลบั้ม Dome
อัลบั้ม Dangerous Dome
อัลบั้มพิเศษ Dome Reaction
อัลบั้ม Dome Question
เมื่อยายค่ายมาอยู่มอร์มิวสิกได้ออกผลงานในนาม Nologo มีผลงาน 2 ชุดคือ How To Be The Rock Star และ Mosaic

ผลงานภาพยนตร์

คยแสดงเรื่อง อนึ่ง...คิดถึงพอสังเขป 2 เมื่ออายุประมาณ 15 ปี ในปี พ.ศ. 2550 ได้พากย์เสียงในภาพยนตร์เรื่อง Fantastic Four: Rise of the Silver Surfer (2007) ให้เสียงเป็นจอห์นนี่ สตอร์ม/คนพลังโลกันต์

ที่มา : www.guru.sanook.com/pedia/topic

ดา เอ็นโดรฟิน

ประวัติส่วนตัว ของ ดา เอ็นโดรฟิน
ชื่อ-นามสกุล :
ธนิดา  ธรรมวิมล
ชื่อเล่น : ดา
สังกัด : GRAMMY
วันเกิด 1 กันยายน 2529
การศึกษา : พาณิชยการราชดำเนิน
งานอดิเรก : ฟังเพลง, งานศิลปะ, เที่ยว
เครื่องดนตรีที่เล่นได้ : กีตาร์, เบส, คีย์บอร์ด
อาหารโปรด : อาหารอีสาน (ส้มตำ, ไก่ย่าง)



ความเป็นมาของวงเอ็นโดรฟิน
      วงเอ็นโดรฟิน เริ่มต้นจาก อนุชา บ่อทองคำกุล (เกี้ย) และ ฐปพล อมรมานัส (บอมบ์) รู้จักกันมา 7 ปี ตั้งใจที่จะตั้งเป็นวงดนตรี แต่ในขณะนั้นเอง มือเบสของวง ได้ขอออกไปเรียนต่อ จึงได้เชิญ ธนัศม์ อมรมานัส (เบิร์ด) และไปประกวดตามเวทีต่างๆ ด้วยกัน  ทางด้าน ธนิดา ธรรมวิมล (ดา,ลูกตาล) ได้เข้าวงเนื่องจากเจอกันที่เวทีที่เซ็นเตอร์พอยท์, สยามสแควร์ จึงชวนเข้ามาร่วมวง โดยในขณะนั้น เกี้ย, บอมบ์ และ เบิร์ด กำลังศึกษาในระดับ มัธยมปลาย ส่วน ดา กำลังศึกษาในระดับ มัธยมศึกษาตอนต้น ในตอนแรก บอมบ์ ได้วางแผนเอาไว้ว่า จะมีนักร้องนำเป็นผู้ชาย แต่เมื่อพอได้ยินเสียง จึงรู้สึกได้ว่า ดา เป็นผู้หญิงที่มี 2 ลักษณะในตนเอง คือ หวาน ก็ได้ หรือ ร็อก ก็ได้ จึงทำให้ได้วงที่มีส่วนผสมลงตัวอย่างดี
        ความเป็นมาของชื่อวงเอ็นโดรฟินชื่อวงเอ็นโดรฟิน (Endorphine) เกิดขึ้นจากเป็นความบังเอิญในระหว่างที่วงเอ็นโดรฟินกำลังอยู่ในช่วงเดินทางประกวดพวกเขากำลังขับรถไปด้วยกัน แต่พวกเขายังไม่มีชื่อวงในตอนนั้นระหว่างรถกำลังติดไฟแดงอยู่แล้วสายตาก็พลันไปเห็นด้านหลังของรถคันข้างหน้า ติดสติกเกอร์ที่เขียนคำว่า"Endorphin" ที่แปลว่า สารเอ็นดอร์ฟิน สารในร่างกายมนุษย์ ที่ผลิตออกมาเพื่อให้เกิดความสุข เมื่อลงความเห็นว่า เป็นชื่อที่มีความหมายดี จึงนำมาตั้งเป็นชื่อวง

       หลังจากนั้นได้ออกมามีผลงานเดี่ยวชุดแรกชื่อชุด ภาพลวงตา ออกวางขายเดือนมกราคม2550 มีเพลงดังอย่าง "คืนข้ามปี" และ "ภาพลวงตา"และหลังจากนั้นกับผลงานชุดที่ 2 คือ ซาวด์ อะเบาท์ (Sound about)ออกวางขายเมื่อเดือน มกราคม 2551 มีเพลงดังอย่างเพลง "ได้ยินไหม"ที่มิวสิกวิดีโอได้ โฟกัส จิระกุล และ มาริโอ้ เมาเร่อมาร่วมแสดงในมิวสิกวิดีโอ หลังจากนั้นในปี 2551ดาได้รับรางวัลจากสตาร์เอนเตอร์เทนเมนต์อวอร์ดส สาขานักร้องหญิงยอดนิยม ดาเอ็นโดรฟิน จากอัลบัม ภาพลวงตา และได้รับรางวัลนักร้องไทย-สากลหญิงยอดนิยม จากสยามดารา สตาร์ ปาร์ตี้ 2008

 

วันจันทร์ที่ 25 เมษายน พ.ศ. 2554

คนบันดาลใจ



              แรงบันดาลใจ  เป็นสิ่งที่สามารถสร้างได้ด้วยตนเอง หรือการหาบรรยากาศกับคนรอบข้างหากเราเลือกที่จะสร้างแรงบันดาลใจให้กับตนเองหรือกับผู้อื่น เราก็จะพบว่า มันเป็นอีกวิธีของชีวิตที่น่าสนใจ และเป็นวิถีชีวิตที่งดงาม หากแต่เราต้องการจะสร้างแรงบันดาลใจเรื่องอะไร อย่างไร แบบใด
               
               การหาสิ่งที่จะทำให้ชีวิตของเราได้พบกับความสำเร็จย่อมต้องค้นหาให้ได้ว่า อะไรคือปัจจัยความสำเร็จ หากแต่ความเพียรของตัวเราเท่านั้น คงจะไม่พอทั้งหมด เราจำเป็นต้องหาคำตอบของสิ่งที่จะให้เราไปสู่จุดหมายปลายทางแห่งความหวัง

               แรงบันดาลใจของแต่ละคนย่อมแตกต่างกันตามพื้นฐาน ซึ่งเราต้องค้นหาให้พบ บางคนมีแรงบันดาลใจที่ต้องการช่วยเหลือสังคม พวกเขาเหล่านี้จึงพยายามค้นหาคำตอบและเรียนในสาขาที่จะทำงานช่วยเหลือผู้อื่น หรือ ชอบกิจกรรมทางสังคม    แรงบันดาลใจจะต้องเกิดจากตัวตนของแต่ละคนหาให้พบ แล้วท่านจะพบกับความสุข


ที่มา : http://www.thaihealth.or.th/partner/blog/10542